The Journey : A Voyage : ตอนที่ 4
หงสือถูกตำรวจพาตัวไป ไม่ได้กลับมาทั้งคืน หลินยาจึสุดแสนกระวนกระวาย ด้วยความช่วยเหลือของคนที่อยู่ร่วมห้องเดียวกัน ได้จ้างรถลากมาพากันไปที่สถานีตำรวจ หลินยาจึเพิ่งจะมาถึงดินแดนใหม่นี้ ยังไม่คุ้นเคยกับหลายๆ สิ่ง เมื่อเห็นคนเผ้าประตูเป็นแขกโพกหัวหนวดยาว กลัวก็กลัวแต่เพื่อหงสือ ก็พยายามที่จะบุกเข้าไป นอกจากจะไม่พบหงสือแล้วยังถูกตำรวจข่มขู่ หงสือมีความผิดฐานฆ่าคนตายจะต้องถูกแขวนคอ
ขณะที่หลินยาจึตกตะลึงนั้นก็มีชายคนหนึ่งเข้ามาให้ความช่วยเหลือ ชี้แนะให้เธอไปขอความช่วยเหลือจาก "หัวหน้าคนจีนโพ้นทะเล" หลินยาจึหลงเชื่อจึงตามชายคนนั้นไป หารู้ไม่ว่าตัวเองกำลังตกหลุมพรางพวกค้ามนุษย์ หลินยาจึรู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากล รีบหนีออกมา ชายคนนั้นพยายามจับตัวหลินยาจึ โชคดีที่ระหว่างทางพบกับฮุ้ยเหนียงเข้า ฮุ้ยเหนียงวางแผนช่วยเหลือหลินยาจึ ฮุ้ยเหนียงรู้เรื่องราวความทุกข์ของหลินยาจึ จึงยื่นมือให้ความช่วยเหลือ
จางกว่างผิงพ่อของตงเอินมีร้านขายยาที่เมืองซิงโจว สั่งให้ตงเอินไปเรียนรู้ทำการค้าที่ร้านยากับท่านอาหวัง ผู้ดูแลร้าน ตงเอินซึ่งไม่สนใจการทำการค้าตั้งแต่เด็ก ฟังอาหวังสอนแบบผ่านๆ แต่เมื่อได้ยินฮุ้ยเหนียงพูดว่าจะช่วยสามีของหลินยาจึ ก็รู้สึกกระตือรือร้นขึ้นมาทันใด
สองพี่น้องตามหลินยาจึไปยังโรงแรมที่พัก ตรวจสอบเก็บข้อมูล ในที่สุดก็ได้เบาะแสบางอย่าง ผู้ต้องสงสัยในคดีนี้ก็คือหลานของผู้ตายนั่นเอง ตงเอินและฮุ้ยเหนียงไปแจ้งความที่สถานีตำรวจ แต่ผู้กำกับที่เป็นชาวต่างชาตินอกจากจะไม่สนใจแล้วแสดงท่าโอหังอีกด้วย ตงเอินโมโหตอบโต้กลับไป ทำให้นายตำรวจใหญ่สั่งให้จับตงเอิน ฮุ้ยเหนียงไปขอความช่วยเหลือจากแม่ชีเฮเลน แม่ชีเฮเลนช่วยออกหน้าไกล่เกลี่ย นายตำรวจฝรั่งจึงยอมถอย ออกคำสั่งให้จับตัวผู้ต้องสงสัย และปล่อยตัวตงเอินกับหงสือ หลินยาจึเห็นหงสือกลับมาอย่างปลอดภัยก็เหมือนยกภูเขาออกจากอก ทั้งสองซาบซึ้งบุญคนสองพี่น้องและเรียกสองพี่น้องว่าเป็นพระโพธิสัตว์กลับชาติมาเกิด
จางกว่างต๋าไปตรวจงานที่ร้านยา หาว่าคนปรุงยาเฉินขว่างไม่เห็นเขาอยู่ในสายตา จึงบุกเข้ามาให้ห้องทดลองและไล่อีกฝ่ายออกไป เฉินขว่างนั้นมีนิสัยประหลาด จริงๆ แล้วห้องทดลองเป็นเขตหวงห้าม จางกว่างต๋าละเมิดกฎข้อห้าม จึงถูกเฉินขว่างไล่ตี ฮุ้ยเหนียงมาระงับเหตุได้ทัน ฮุ้ยเหนียงสนิทสนมกับเฉินขว่าง มักเรียกเฉินขว่างว่า "พ่อมดเฒ่า" เฉินขว่างก็ตอบโต้ไม่แพ้กัน ทั้งสองเมื่ออยู่ด้วยกันมักมีคำพูดเด็ดๆ ออกมาเสมอ
ในระหว่างที่ฮุ้ยเหนียงกินติ่มซำกับเฉินขว่างนั้น ก็ได้ยินเสียงตะโกนทะเลาะกัน ที่แท้ก็มีเด็กหนุ่มมาช่วยยายจนๆ เขียนจดหมาย โดยคนรับจ้างเขียนจดหมายหาว่าแย่งการค้า ถูกทุบตีกลางถนน เด็กหนุ่มนั้นก็ร้องบอกว่าตัวเองไม่ได้รับเงินแม้แต่แดงเดียว แต่อีกฝ่ายก็ไม่คิดจะปล่อยไป ซ้ำยังเตะต่อยไม่ยั้ง ฮุ้ยเหนียงรู้สึกว่าคนรับจ้างเขียนจดหมายทำเกินไป เฉินขว่างขว้างซาลาเปาใส่คนรับจ้างเขียนจดหมายจึงยอมเลิกรา เด็กหนุ่มนั่นก็คือจางเทียนอิงนั่นเอง
เทียนอิงเก็บซาลาเปาที่ตกพื้นขึ้นมาแล้วนำไปคืนให้กับเฉินขว่างแบบซื่อๆ ฮุ้ยเหนียงเห็นท่าทางซื่อๆ โง่ๆ ของเทียนอิงกลั้นหัวเราะไว้ไม่อยู่ หลังจากเทียนผางและเทียนอิงขึ้นฝั่งแล้วก็นำน้ำมันนวดสูตรประจำตระกูลมาขายแถวริมถนนแต่ไม่มีใครสนใจ และเพราะไม่มีอะไรตกถึงท้องมาสองวันแล้ว จึงหิวจนมือไม้สั่น เทียนอิงนำซาลาเปาที่ได้มาโดยบังเอิญให้เทียนผาง เทียนผางปฏิเสธจะให้เทียนอิงกิน ทำให้ซาลาเปาตกลงพื้นถูกนักเลงหัวไม้ที่เดินมาหาเรื่องเหยียบเข้า
ติดตามชมซีรีส์สิงคโปร์ "สู่ฝันวันยิ่งใหญ่" ในวันที่ 13 มี.ค. 59 เวลา 13.00 - 14.00 น. ทางไทยพีบีเอส หรือรับชมสดผ่านทีวีออนไลน์ทาง www.thaipbs.or.th/live
แท็กที่เกี่ยวข้อง:
-
หงสือถูกตำรวจพาตัวไป ไม่ได้กลับมาทั้งคืน หลินยาจึสุดแสนกระวนกระวาย ด้วยความช่วยเหลือของคนที่อยู่ร่วมห้องเดียวกัน ได้จ้างรถลากมาพากันไปที่สถานีตำรวจ หลินยาจึเพิ่งจะมาถึงดินแดนใหม่นี้ ยังไม่คุ้นเคยกับหลายๆ สิ่ง เมื่อเห็นคนเผ้าประตูเป็นแขกโพกหัวหนวดยาว กลัวก็กลัวแต่เพื่อหงสือ ก็พยายามที่จะบุกเข้าไป นอกจากจะไม่พบหงสือแล้วยังถูกตำรวจข่มขู่ หงสือมีความผิดฐานฆ่าคนตายจะต้องถูกแขวนคอ
ขณะที่หลินยาจึตกตะลึงนั้นก็มีชายคนหนึ่งเข้ามาให้ความช่วยเหลือ ชี้แนะให้เธอไปขอความช่วยเหลือจาก "หัวหน้าคนจีนโพ้นทะเล" หลินยาจึหลงเชื่อจึงตามชายคนนั้นไป หารู้ไม่ว่าตัวเองกำลังตกหลุมพรางพวกค้ามนุษย์ หลินยาจึรู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากล รีบหนีออกมา ชายคนนั้นพยายามจับตัวหลินยาจึ โชคดีที่ระหว่างทางพบกับฮุ้ยเหนียงเข้า ฮุ้ยเหนียงวางแผนช่วยเหลือหลินยาจึ ฮุ้ยเหนียงรู้เรื่องราวความทุกข์ของหลินยาจึ จึงยื่นมือให้ความช่วยเหลือ
จางกว่างผิงพ่อของตงเอินมีร้านขายยาที่เมืองซิงโจว สั่งให้ตงเอินไปเรียนรู้ทำการค้าที่ร้านยากับท่านอาหวัง ผู้ดูแลร้าน ตงเอินซึ่งไม่สนใจการทำการค้าตั้งแต่เด็ก ฟังอาหวังสอนแบบผ่านๆ แต่เมื่อได้ยินฮุ้ยเหนียงพูดว่าจะช่วยสามีของหลินยาจึ ก็รู้สึกกระตือรือร้นขึ้นมาทันใด
สองพี่น้องตามหลินยาจึไปยังโรงแรมที่พัก ตรวจสอบเก็บข้อมูล ในที่สุดก็ได้เบาะแสบางอย่าง ผู้ต้องสงสัยในคดีนี้ก็คือหลานของผู้ตายนั่นเอง ตงเอินและฮุ้ยเหนียงไปแจ้งความที่สถานีตำรวจ แต่ผู้กำกับที่เป็นชาวต่างชาตินอกจากจะไม่สนใจแล้วแสดงท่าโอหังอีกด้วย ตงเอินโมโหตอบโต้กลับไป ทำให้นายตำรวจใหญ่สั่งให้จับตงเอิน ฮุ้ยเหนียงไปขอความช่วยเหลือจากแม่ชีเฮเลน แม่ชีเฮเลนช่วยออกหน้าไกล่เกลี่ย นายตำรวจฝรั่งจึงยอมถอย ออกคำสั่งให้จับตัวผู้ต้องสงสัย และปล่อยตัวตงเอินกับหงสือ หลินยาจึเห็นหงสือกลับมาอย่างปลอดภัยก็เหมือนยกภูเขาออกจากอก ทั้งสองซาบซึ้งบุญคนสองพี่น้องและเรียกสองพี่น้องว่าเป็นพระโพธิสัตว์กลับชาติมาเกิด
จางกว่างต๋าไปตรวจงานที่ร้านยา หาว่าคนปรุงยาเฉินขว่างไม่เห็นเขาอยู่ในสายตา จึงบุกเข้ามาให้ห้องทดลองและไล่อีกฝ่ายออกไป เฉินขว่างนั้นมีนิสัยประหลาด จริงๆ แล้วห้องทดลองเป็นเขตหวงห้าม จางกว่างต๋าละเมิดกฎข้อห้าม จึงถูกเฉินขว่างไล่ตี ฮุ้ยเหนียงมาระงับเหตุได้ทัน ฮุ้ยเหนียงสนิทสนมกับเฉินขว่าง มักเรียกเฉินขว่างว่า "พ่อมดเฒ่า" เฉินขว่างก็ตอบโต้ไม่แพ้กัน ทั้งสองเมื่ออยู่ด้วยกันมักมีคำพูดเด็ดๆ ออกมาเสมอ
ในระหว่างที่ฮุ้ยเหนียงกินติ่มซำกับเฉินขว่างนั้น ก็ได้ยินเสียงตะโกนทะเลาะกัน ที่แท้ก็มีเด็กหนุ่มมาช่วยยายจนๆ เขียนจดหมาย โดยคนรับจ้างเขียนจดหมายหาว่าแย่งการค้า ถูกทุบตีกลางถนน เด็กหนุ่มนั้นก็ร้องบอกว่าตัวเองไม่ได้รับเงินแม้แต่แดงเดียว แต่อีกฝ่ายก็ไม่คิดจะปล่อยไป ซ้ำยังเตะต่อยไม่ยั้ง ฮุ้ยเหนียงรู้สึกว่าคนรับจ้างเขียนจดหมายทำเกินไป เฉินขว่างขว้างซาลาเปาใส่คนรับจ้างเขียนจดหมายจึงยอมเลิกรา เด็กหนุ่มนั่นก็คือจางเทียนอิงนั่นเอง
เทียนอิงเก็บซาลาเปาที่ตกพื้นขึ้นมาแล้วนำไปคืนให้กับเฉินขว่างแบบซื่อๆ ฮุ้ยเหนียงเห็นท่าทางซื่อๆ โง่ๆ ของเทียนอิงกลั้นหัวเราะไว้ไม่อยู่ หลังจากเทียนผางและเทียนอิงขึ้นฝั่งแล้วก็นำน้ำมันนวดสูตรประจำตระกูลมาขายแถวริมถนนแต่ไม่มีใครสนใจ และเพราะไม่มีอะไรตกถึงท้องมาสองวันแล้ว จึงหิวจนมือไม้สั่น เทียนอิงนำซาลาเปาที่ได้มาโดยบังเอิญให้เทียนผาง เทียนผางปฏิเสธจะให้เทียนอิงกิน ทำให้ซาลาเปาตกลงพื้นถูกนักเลงหัวไม้ที่เดินมาหาเรื่องเหยียบเข้า
ติดตามชมซีรีส์สิงคโปร์ "สู่ฝันวันยิ่งใหญ่" ในวันที่ 13 มี.ค. 59 เวลา 13.00 - 14.00 น. ทางไทยพีบีเอส หรือรับชมสดผ่านทีวีออนไลน์ทาง www.thaipbs.or.th/live
