เรื่องย่อหนัง

ออกอากาศ16 ก.พ. 65

เรื่องย่อ "FROM BANGKOK TO MANDALAY ถึงคน…ไม่คิดถึง"

จดหมายฉบับหนึ่ง จะเก็บความคิดถึงได้นานเท่าไหร่…

ความคิดถึงของผู้ชายคนหนึ่ง นอนนิ่งอยู่ในซองจดหมายสิบฉบับที่ไม่เคยถูกเปิดอ่าน มันถูกส่งถึงผู้หญิงที่เขาเคยรัก เดินทางจากประเทศพม่าสู่ประเทศไทยและถูกซุกซ่อนไว้ลึกที่สุดจวบจนเวลาผ่านไปถึงครึ่งศตวรรษ

เมื่อ "ปิ่น"ได้พบจดหมายสิบฉบับจากพินัยกรรมของย่า ทำให้เธอตัดสินใจออกเดินทางไปยังประเทศพม่าเพื่อนำจดหมายเหล่านี้ไปเปิดอ่าน ณ ที่ที่มันถูกเขียนขึ้น ระหว่างการเดินทางปิ่นได้ขอร้อง "โมนาย" หนุ่มพม่าที่คุณย่าเขียนถึงในพินัยกรรมเป็นผู้นำทางเธอไปยังสถานที่บนจดหมายนั้น

เมื่อล้อรถเริ่มหมุนออกจากย่างกุ้ง ไม่มีใครรู้คำตอบล่วงหน้าจนกว่าจะได้เปิดอ่านหากความคิดถึงในกระดาษยังคงมีลมหายใจอยู่ บางทีจดหมายจากคนรักเก่าของย่าเหล่านี้ อาจทำให้ปิ่นได้เข้าใจอดีตที่ไม่เคยลืมของเธอและก้าวข้ามมันไปได้เสียที "…เพราะความคิดถึง ไม่เคยทำให้ลืมได้สักนาทีเดียว…"


จากบางกอกสู่มัณฑะเลย์ โดย ชาติชาย เกษนัส…

"….เป็นเรื่องสำคัญอันนึงที่จะบอกเล่าถึงที่มาที่ไปของโปรเจคว่ามันเริ่มจากตรงไหน ซึ่งผมขอเล่าในส่วนของประเทศพม่าอันน่าตื่นเต้นก่อน ผมสนใจอ่านประวัติศาสตร์มาตลอดไม่ว่าของประเทศไหน จนได้ไปเที่ยวประเทศพม่า ทำให้ความคิดทั้งหมดทั้งมวลที่มีมาก่อนหน้านี้พังทลายลงเรียกง่ายๆ ว่าต้องโยนหนังสือเรียนทิ้ง คนพม่าไม่เคยมองเราเป็นศัตรูเหมือนที่คนไทยมองพม่าเลย อันนี้ผมงงมากว่าเราติดหล่มความเชื่อนี้มานานแค่ไหนแล้ว เพราะคนพม่าไม่ได้มองความขัดแย้งแบบที่เราเคยได้ยินในประวัติศาสตร์ที่คนไทยได้รับรู้ต่อๆ กันมาเลยมีความแตกต่างอย่างเยอะระหว่างตำราเรียนพม่ากับตำราเรียนไทย

อย่างแรกก่อนจะกลายเป็นประเทศไทย หรือ พม่า ความสัมพันธ์ก็เป็นการรบระหว่างเมืองอยุธยา กับเมืองหงสา ฉะนั้นผ่านเวลาไปเขาไม่เคยรื้อฟื้นหรือมาขยายให้เป็นเรื่องใหญ่ ที่เป็นเช่นนั้นเพราะพม่ามีเรื่องต่อสู้ยาวนานกับอังกฤษและเรื่องความขัดแย้งระหว่างชนเผ่าต่างๆ เรื่องเหล่านี้ซีเรียสกว่าประวัติศาสตร์ในส่วนที่เกี่ยวกับไทยมากมายนัก ผมคิดว่ามันน่าตกใจไม่น้อยที่เรามีเพื่อนข้างบ้านแต่เรารู้จักเขาน้อยที่สุด แถมยังเข้าใจผิดด้วยนะ "…สรุปแล้วเรารู้จักพม่าจริงๆหรือเรายังไม่รู้จักเขากันแน่?... "

หลายๆ ที่ในพม่าที่ได้ไปสัมผัสเหมือนได้ย้อนเวลาไป 30 - 40 ปีก่อน มันสวยงามและบริสุทธิ์มาก เพราะการปิดประเทศมายาวนานทำให้การเติบโตการพัฒนาต่างๆถูกแช่แข็งไว้แบบนั้น รวมถึงจิตใจผู้คนด้วย ผมว่าหลายคนอยากให้กรุงเทพหรือเมืองไทยย้อนเวลาเหมือนกัน ย้อนไปในยุคที่เรายังไม่แข่งขันไม่เครียดแล้วเราเป็นเพื่อนกับคนข้างบ้านกับคนในชุมชนเราได้

ผม"เดินพม่า"อยู่หลายวัน หลายเมือง มองสำรวจไปทุกแห่ง จนกระทั่งฉุกคิดว่าความเป็นพม่ามันคืออะไรกันแน่ ทำไมเราหามันไม่เจอจนกลับมาเมืองไทย ได้มีโอกาสเดินสวนกับ อ.อานันท์ นาคคง ผู้เป็นเหมือนห้องสมุดเคลื่อนที่ของผม เลยเกริ่นถามไปเล่นๆว่า "…พี่หน่องครับ ผมหาจิตวิญญาณของพม่าไม่เจอ พี่พอจะแนะนำอะไรได้ไหม…" จริงๆว่าจะถามแกนานละแต่เข้าใจว่าแกน่าจะถนัดเขมรมากกว่าเลยลืมไป หนึ่งชั่วโมงต่อมาเรายืนคุยกันจนขาแข็ง(ลืมนั่ง) แล้วก็นัดแนะจองตั๋วเครื่องบินบุกพม่าตามล่าหา Spirits of Myanmar

อ.อานันท์ พาผมและโปรดิวเซอร์ไปเยี่ยมโรงเรียนดนตรีคีตมิตร โรงเรียนดนตรีที่รวบรวมเอานักดนตรีทุกชาติพันธุ์จากทั่วแดนเมียนมาร์มาเรียนด้วยกันที่นี่ ไม่มีเส้นแบ่งระหว่างดนตรีคลาสสิค ป๊อบ พื้นเมือง พื้นบ้าน ราชสำนัก แจส ฯลฯ เด็กๆที่นี่เติบโตด้วยหัวใจที่เปิดกว้างพรสวรรค์และพรแสวงเปล่งเสียงออกมาให้พวกเราได้ยินตลอดเวลาที่อยู่ที่นั่น

สุดท้าย..ผมคิดว่าที่นี่คือการเริ่มต้นที่ถูกที่สุดของภาพยนตร์เรื่องนี้ ผมว่า..ผมเจอละ Spirits of Myanmar มันอยู่ในเสียงดนตรีนั่นเอง สิ่งที่ผมได้หยิบติดมือกลับมาเมืองไทยคือเดโมเพลงหนึ่งเพลงจาก "ตาเงะ" เด็กนักเรียนที่โรงเรียนดนตรีคิตมิตร ตาเงะอัดเพลงที่เขาร้องด้วยสมาร์ทโฟนแม้คุณภาพเสียงไม่ดีนักแต่เมื่อมันส่งผ่านไปถึงมือบรูโน มือทำเพลงประกอบภาพยนตร์และอดีตโปรดิวเซอร์เพลงที่แกรมมี่

มันทำให้บรูโนตาลุกวาวเช่นเดียวกับผม แม้เราจะฟังไม่ภาษาออกเลยก็ตาม ผมกับบรูโน่พูดคุยกันจนดึกถึงเรื่องราวที่น่าจะเป็นไปได้ในหนังที่เรากำลังจะสร้างมัน บรูโน่ตื่นเต้นมาก ตอนเช้าบรูโน่ส่งเรื่องย่อฉบับของเขาเองมาให้ผมแล้วความคิดถึงระหว่างคน 2 ประเทศก็เริ่มขึ้น…"

ติดตามชมภาพยนตร์ "ถึงคน…ไม่คิดถึง FROM BANGKOK TO MANDALAY" วันพุธที่ 16 กุมภาพันธ์ 2565 เวลา 10.05 - 12.00 น. ทางไทยพีบีเอส

▶️ ชมสดออนไลน์

▶️ ชมอีกครั้ง

เรื่องย่อ "FROM BANGKOK TO MANDALAY ถึงคน…ไม่คิดถึง"

จดหมายฉบับหนึ่ง จะเก็บความคิดถึงได้นานเท่าไหร่…

ความคิดถึงของผู้ชายคนหนึ่ง นอนนิ่งอยู่ในซองจดหมายสิบฉบับที่ไม่เคยถูกเปิดอ่าน มันถูกส่งถึงผู้หญิงที่เขาเคยรัก เดินทางจากประเทศพม่าสู่ประเทศไทยและถูกซุกซ่อนไว้ลึกที่สุดจวบจนเวลาผ่านไปถึงครึ่งศตวรรษ

เมื่อ "ปิ่น"ได้พบจดหมายสิบฉบับจากพินัยกรรมของย่า ทำให้เธอตัดสินใจออกเดินทางไปยังประเทศพม่าเพื่อนำจดหมายเหล่านี้ไปเปิดอ่าน ณ ที่ที่มันถูกเขียนขึ้น ระหว่างการเดินทางปิ่นได้ขอร้อง "โมนาย" หนุ่มพม่าที่คุณย่าเขียนถึงในพินัยกรรมเป็นผู้นำทางเธอไปยังสถานที่บนจดหมายนั้น

เมื่อล้อรถเริ่มหมุนออกจากย่างกุ้ง ไม่มีใครรู้คำตอบล่วงหน้าจนกว่าจะได้เปิดอ่านหากความคิดถึงในกระดาษยังคงมีลมหายใจอยู่ บางทีจดหมายจากคนรักเก่าของย่าเหล่านี้ อาจทำให้ปิ่นได้เข้าใจอดีตที่ไม่เคยลืมของเธอและก้าวข้ามมันไปได้เสียที "…เพราะความคิดถึง ไม่เคยทำให้ลืมได้สักนาทีเดียว…"


จากบางกอกสู่มัณฑะเลย์ โดย ชาติชาย เกษนัส…

"….เป็นเรื่องสำคัญอันนึงที่จะบอกเล่าถึงที่มาที่ไปของโปรเจคว่ามันเริ่มจากตรงไหน ซึ่งผมขอเล่าในส่วนของประเทศพม่าอันน่าตื่นเต้นก่อน ผมสนใจอ่านประวัติศาสตร์มาตลอดไม่ว่าของประเทศไหน จนได้ไปเที่ยวประเทศพม่า ทำให้ความคิดทั้งหมดทั้งมวลที่มีมาก่อนหน้านี้พังทลายลงเรียกง่ายๆ ว่าต้องโยนหนังสือเรียนทิ้ง คนพม่าไม่เคยมองเราเป็นศัตรูเหมือนที่คนไทยมองพม่าเลย อันนี้ผมงงมากว่าเราติดหล่มความเชื่อนี้มานานแค่ไหนแล้ว เพราะคนพม่าไม่ได้มองความขัดแย้งแบบที่เราเคยได้ยินในประวัติศาสตร์ที่คนไทยได้รับรู้ต่อๆ กันมาเลยมีความแตกต่างอย่างเยอะระหว่างตำราเรียนพม่ากับตำราเรียนไทย

อย่างแรกก่อนจะกลายเป็นประเทศไทย หรือ พม่า ความสัมพันธ์ก็เป็นการรบระหว่างเมืองอยุธยา กับเมืองหงสา ฉะนั้นผ่านเวลาไปเขาไม่เคยรื้อฟื้นหรือมาขยายให้เป็นเรื่องใหญ่ ที่เป็นเช่นนั้นเพราะพม่ามีเรื่องต่อสู้ยาวนานกับอังกฤษและเรื่องความขัดแย้งระหว่างชนเผ่าต่างๆ เรื่องเหล่านี้ซีเรียสกว่าประวัติศาสตร์ในส่วนที่เกี่ยวกับไทยมากมายนัก ผมคิดว่ามันน่าตกใจไม่น้อยที่เรามีเพื่อนข้างบ้านแต่เรารู้จักเขาน้อยที่สุด แถมยังเข้าใจผิดด้วยนะ "…สรุปแล้วเรารู้จักพม่าจริงๆหรือเรายังไม่รู้จักเขากันแน่?... "

หลายๆ ที่ในพม่าที่ได้ไปสัมผัสเหมือนได้ย้อนเวลาไป 30 - 40 ปีก่อน มันสวยงามและบริสุทธิ์มาก เพราะการปิดประเทศมายาวนานทำให้การเติบโตการพัฒนาต่างๆถูกแช่แข็งไว้แบบนั้น รวมถึงจิตใจผู้คนด้วย ผมว่าหลายคนอยากให้กรุงเทพหรือเมืองไทยย้อนเวลาเหมือนกัน ย้อนไปในยุคที่เรายังไม่แข่งขันไม่เครียดแล้วเราเป็นเพื่อนกับคนข้างบ้านกับคนในชุมชนเราได้

ผม"เดินพม่า"อยู่หลายวัน หลายเมือง มองสำรวจไปทุกแห่ง จนกระทั่งฉุกคิดว่าความเป็นพม่ามันคืออะไรกันแน่ ทำไมเราหามันไม่เจอจนกลับมาเมืองไทย ได้มีโอกาสเดินสวนกับ อ.อานันท์ นาคคง ผู้เป็นเหมือนห้องสมุดเคลื่อนที่ของผม เลยเกริ่นถามไปเล่นๆว่า "…พี่หน่องครับ ผมหาจิตวิญญาณของพม่าไม่เจอ พี่พอจะแนะนำอะไรได้ไหม…" จริงๆว่าจะถามแกนานละแต่เข้าใจว่าแกน่าจะถนัดเขมรมากกว่าเลยลืมไป หนึ่งชั่วโมงต่อมาเรายืนคุยกันจนขาแข็ง(ลืมนั่ง) แล้วก็นัดแนะจองตั๋วเครื่องบินบุกพม่าตามล่าหา Spirits of Myanmar

อ.อานันท์ พาผมและโปรดิวเซอร์ไปเยี่ยมโรงเรียนดนตรีคีตมิตร โรงเรียนดนตรีที่รวบรวมเอานักดนตรีทุกชาติพันธุ์จากทั่วแดนเมียนมาร์มาเรียนด้วยกันที่นี่ ไม่มีเส้นแบ่งระหว่างดนตรีคลาสสิค ป๊อบ พื้นเมือง พื้นบ้าน ราชสำนัก แจส ฯลฯ เด็กๆที่นี่เติบโตด้วยหัวใจที่เปิดกว้างพรสวรรค์และพรแสวงเปล่งเสียงออกมาให้พวกเราได้ยินตลอดเวลาที่อยู่ที่นั่น

สุดท้าย..ผมคิดว่าที่นี่คือการเริ่มต้นที่ถูกที่สุดของภาพยนตร์เรื่องนี้ ผมว่า..ผมเจอละ Spirits of Myanmar มันอยู่ในเสียงดนตรีนั่นเอง สิ่งที่ผมได้หยิบติดมือกลับมาเมืองไทยคือเดโมเพลงหนึ่งเพลงจาก "ตาเงะ" เด็กนักเรียนที่โรงเรียนดนตรีคิตมิตร ตาเงะอัดเพลงที่เขาร้องด้วยสมาร์ทโฟนแม้คุณภาพเสียงไม่ดีนักแต่เมื่อมันส่งผ่านไปถึงมือบรูโน มือทำเพลงประกอบภาพยนตร์และอดีตโปรดิวเซอร์เพลงที่แกรมมี่

มันทำให้บรูโนตาลุกวาวเช่นเดียวกับผม แม้เราจะฟังไม่ภาษาออกเลยก็ตาม ผมกับบรูโน่พูดคุยกันจนดึกถึงเรื่องราวที่น่าจะเป็นไปได้ในหนังที่เรากำลังจะสร้างมัน บรูโน่ตื่นเต้นมาก ตอนเช้าบรูโน่ส่งเรื่องย่อฉบับของเขาเองมาให้ผมแล้วความคิดถึงระหว่างคน 2 ประเทศก็เริ่มขึ้น…"

ติดตามชมภาพยนตร์ "ถึงคน…ไม่คิดถึง FROM BANGKOK TO MANDALAY" วันพุธที่ 16 กุมภาพันธ์ 2565 เวลา 10.05 - 12.00 น. ทางไทยพีบีเอส

▶️ ชมสดออนไลน์

▶️ ชมอีกครั้ง

ละครย้อนยุค

ดูทั้งหมด

♫ ♫ Songs Popular ♫ ♫

ดูทั้งหมด

คลิปมาใหม่

คนดูเยอะ 👀

ดูทั้งหมด

เสน่ห์ประเทศไทย